ภาษีย้อนหลัง

การถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง ถือเป็นฝันร้ายสำหรับผู้เสียภาษีทุกคน เพราะเมื่อถูกเรียกตรวจแล้ว เราจะต้องนำหลักฐาน เอกสาร พยาน และบัญชีต่างๆ มาพิสูจน์ถึงที่มาที่ไปของรายได้และรายจ่ายทั้งหมด หากมีจุดไหนที่พิสูจน์ไม่ได้ ก็ต้องเสียค่าปรับจากกรมสรรพากรที่ย้อนหลังกลับไปหลายปี และอาจสูงถึงหลายล้านบาท จนบางรายแทบหมดตัวเพียงเพราะถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง

สิ่งที่ต้องระวังคือ การตรวจสอบภาษีย้อนหลังนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนที่จงใจหลีกเลี่ยงภาษีเท่านั้น แต่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้แต่คนที่ไม่รู้และไม่ได้ตั้งใจก็ตาม อาจเป็นเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องภาษี หรือไม่มีการทำบัญชีและเสียภาษีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด ผู้เสียภาษีทุกคนจึงจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการเสียภาษีอย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกกรมสรรพากรเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจและฐานะทางการเงินตามมา

ทำไมถึงโดนภาษีย้อนหลัง

การโดนภาษีย้อนหลัง สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล หากสรรพากรมีการเรียกตรวจสอบ ขอหลักฐาน และหากพบการกระทำผิดจริง สรรพากรก็มีสิทธิ์เรียกค่าปรับหรือเงินเพิ่มตามแต่ความผิดที่ได้กระทำ ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว คนที่โดนตรวจสอบภาษีย้อนหลังจะเกิดจาก

ไม่ได้ยื่นภาษี

เป็นความเข้าใจผิดอย่างมหันต์ สำหรับคนที่คิดว่าหากรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี ก็ไม่ต้องยื่นภาษี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การยื่นภาษีเป็นหน้าที่ของผู้มีเงินได้ทุกคน ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีรายได้ถึงเกณฑ์หรือไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีก็ตาม และคนที่มีหน้าที่เสียภาษี จะต้องประเมินตัวเองว่าเข้าข่ายที่จะต้องเสียภาษีหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือถ้าหากรายได้ต่อปีเกิน 1.8 ล้าน ต้องมีการจดทะเบียนขอออก VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย

ยื่นเสียภาษีไม่ถูกต้อง

ไม่ว่าจะเกิดจากความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ การยื่นภาษีไม่ถูกต้อง ทั้งการยื่นแบบ ทั้งเรื่องของเอกสาร หรือเสียภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง ย่อมส่งผลให้สรรพากรสามารถเรียกตรวจสอบภาษีย้อนหลังได้เสมอ ซึ่งหากสรรพากรมีเหตุให้เชื่อได้ว่า เราตั้งใจหลีกเลี่ยงภาษี สรรพากรก็สามารถเรียกตรวจสอบภาษีย้อนหลังได้ถึง 10 ปี

สรรพากรรู้ได้อย่างไร ว่าเรามีรายได้เท่าไร ต้องเสียภาษีเท่าไร

สรรพากรนั้น สามารถรับรู้เกี่ยวกับรายรับ - รายจ่ายของเราได้จากหลากหลายวิธี โดยในทางกฎหมาย มีพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 48) พ.ศ. 2562 ที่กำหนดให้ธนาคาร สถาบันการเงิน รายงานข้อมูลบุคคลที่มีธุรกรรมลักษณะเฉพาะให้แก่สรรพากรรับทราบ โดยธุรกรรมนั้นจะมีการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกัน 400 ครั้ง ยอดรวมของธุรกรรมฝากหรือรับโอนรวมกันตั้งแต่ 2 ล้านบาท หรือมีการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกัน 3,000 ครั้งขึ้นไป

นอกจากนี้ สรรพากรยังรับทราบเรื่องการเสียภาษี จากกรณีภาษีหัก ณ ที่จ่าย แต่ไม่มีการยื่นภาษีให้ถูกต้อง รวมไปถึงกฎหมายอื่นๆ ทั้งการส่งรายได้ของดอกเบี้ยเงินฝาก ข้อมูลการใช้ e-service และการร้องเรียนผ่านระบบของสรรพากร และกฎหมายอื่นๆ อีกจำนวนมากที่เอื้อให้สรรพากรตรวจสอบว่าเรามีรายได้ - รายจ่ายเท่าไร และต้องเสียภาษีเท่าไร ภาษีที่เสียนั้นมากหรือน้อยกว่าความเป็นจริง

นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจผิดว่า หากต้องเลี่ยงภาษี ไม่ให้สรรพากรรู้ว่าเรามีรายได้เท่าไร ก็ให้ทำงานแล้วรับเงินเป็นเงินสด เพราะสรรพากรตรวจไม่พบ ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดที่อันตรายมาก เนื่องจากปัจจุบันสรรพากรใช้ระบบ Risk Based Audit เพื่อประเมินความเสี่ยงของผู้เสียภาษี ว่าเจ้าของธุรกิจประเภทใดที่เสียภาษีถูกต้อง และเจ้าของธุรกิจแบบใดที่มีแนวโน้มว่าจะเลี่ยงภาษี แต่เนื่องจากระบบนี้มีช่องโหว่ให้หลบเลี่ยงภาษีได้ สรรพากรก็จะนำ Data Analytics เข้ามาตรวจสอบอีกเพิ่มเติมซ้ำ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมความเสี่ยงของกิจการว่า กิจการแต่ละประเภทมีความเสี่ยงในรูปแบบไหน และผู้ประกอบการใดที่แสดงรายได้ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หรือจงใจที่จะเลี่ยงภาษี และระบบนี้มีความแม่นยำสูง จึงเป็นเรื่องยากมากที่จะเลี่ยงภาษี

มีการตรวจสอบภาษีย้อนหลังกี่ปี

จากประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 19 สามารถสรุปได้ว่า หากเจ้าพนักงานสรรพากรสงสัยว่าผู้ยื่นภาษี ยื่นภาษีไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เจ้าพนักงานสามารถออกหมายเรียกให้ผู้ยื่นแบบมาชี้แจง ขอเรียกดูเอกสาร บัญชี และหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยต้องแจ้งล่วงหน้าภายใน 7 วัน ส่วนเอกสารที่ยื่นแบบนั้น จะมีการขอเรียกดูภาษีย้อนหลังภายใน 2 ปี นับตั้งแต่วันที่มีการยื่นแบบครั้งสุดท้าย

อย่างไรก็ตาม หากมีเหตุที่ทำให้เชื่อว่า ผู้ยื่นภาษีจงใจหลบเลี่ยงภาษี หรือมีกรณีที่ต้องตรวจสอบเกี่ยวกับการขอคืนภาษี อนุมัติให้ขยายเวลาในการเรียกภาษีย้อนหลังได้ไม่เกิน 5 ปี จากวันที่ยื่นแบบ และหากเป็นการตรวจสอบภาษีย้อนหลังเพื่อขอคืนภาษี จะขยายเวลาได้ไม่เกินเวลาที่มีสิทธิขอคืนภาษี

ด้านประมวลกฎหมายรัษฎากร มาตรา 23 สรุปได้ว่า ผู้ที่มีหน้าที่ยื่นแบบภาษีแต่ไม่เคยยื่นแบบแสดงรายการภาษีเลย เจ้าหน้าที่สรรพากรสามารถออกหมายเรียกให้มาชี้แจง ออกหมายเรียกพบ และสั่งให้มีการนำส่งเอกสาร บัญชี และหลักฐานอื่นๆ มาแสดง และมักจะมีการอ้างอิงกฎหมายข้อนี้เข้ากับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งทำให้อายุความมีมากถึง 10 ปี

สรุปคือ สรรพากรมีอำนาจในการเรียกตรวจสอบสูงสุด 5 ปีนับจากการยื่นภาษีครั้งสุดท้าย แต่หากไม่เคยยื่นภาษีเลย สรรพากรมีอายุความในการเรียกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง 10 ปี และการเรียกเงินจากการผิดภาษีนั้น สรรพากรก็สามารถเรียกได้ถึง 10 ปีเช่นกัน

หากถูกเรียกภาษีย้อนหลัง จะทำอย่างไร

ไม่ใช่ว่าทุกคน ทุกองค์กรที่ยื่นหรือไม่ยื่นภาษี จะถูกเรียกภาษีย้อนหลัง แต่ถ้าหากใครที่ได้รับจดหมายเรียกตรวจภาษีย้อนหลังจากกรมสรรพากรแล้ว มีแนวทางปฏิบัติดังนี้

1. อ่านจดหมายให้ครบถ้วน

ให้เปิดจดหมายและอ่านเนื้อหาให้ครบถ้วนในจดหมายว่าเกี่ยวกับอะไร จดหมายจากสรรพากรนั้นอาจจะเป็นการขอเชิญไปพบ ขอตรวจสอบ ขอข้อมูล หรือขอเชิญให้ไปเป็นพยาน และหากมีการเรียกขอหลักฐาน จะต้องตรวจสอบว่าสรรพากรจะขอเรียกดูหลักฐานอะไรบ้าง ต้องไปพบสรรพากรวันไหน เวลาไหน หากไม่สะดวกจะสามารถติดต่อเพื่อขอเลื่อนนัดหมายได้หรือไม่

2. เตรียมเอกสารหลักฐาน

ตรวจสอบว่าจดหมายนั้นเป็นการเรียกภาษีย้อนหลังของบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคล

บุคคลธรรมดา ให้เตรียมหลักฐานอาทิ

  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
  • เอกสารแสดงรายรับรายจ่าย
  • สเตตเมนต์ธนาคาร
  • ทวิ 50
  • เอกสารลดหย่อนภาษี
  • เอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นิติบุคคล จะต้องเตรียมเอกสารเช่น

  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
  • บัญชีรายรับ รายจ่าย งบการเงิน
  • ภ.ง.ด. 1, ภ.ง.ด. 2, ภ.ง.ด. 30
  • ใบกำกับภาษีซื้อ ภาษีขาย
  • ใบเพิ่มหนี้ ใบลดหนี้
  • ใบเสร็จรับเงิน
  • เอกสารด้านการเงินอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องหรือตามแต่สรรพากรจะเรียก

3. ยื่นเอกสารและชี้แจง

นำเอกสารหลักฐานทั้งหมดไปยื่นที่กรมสรรพากร ตามวัน เวลาที่กำหนด โดยเรามีหน้าที่ในการชี้แจงทุกรายรับรายจ่ายทั้งหมด เพื่อมาหักล้างกับหลักฐานจากกรมสรรพากร หากพบว่ารายรับใดไม่มีหลักฐาน หรือไม่สามารถอธิบายได้ ก็ต้องยอมรับโทษปรับจากกรมสรรพากร

โทษของการเสียภาษีไม่ถูกต้อง

  • ไม่ชำระภาษีภายในกำหนดเวลา: จะต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน หากมีเศษเดือนให้นับเป็น 1 เดือน ของเงินภาษีที่ต้องชำระทั้งหมด นับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดการชำระภาษีจนถึงวันที่ชำระภาษี
  • เสียภาษีน้อยไป: หากสรรพากรตรวจสอบแล้วพบว่า เราเสียภาษีขาดหรือน้อยเกินไป จะต้องมีการจ่ายภาษีที่ขาดไปเพิ่มเติม บวกกับเบี้ยปรับอีก 1 หรือ 2 เท่าของภาษีที่ต้องชำระแล้วแต่กรณี
  • ไม่ยื่นภาษี: กรณีที่มีการละเลยไม่ยื่นภาษี ไม่แสดงแบบเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และสรรพากรตรวจพบ มีโทษปรับไม่เกิน 200,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นที่จะต้องชำระภาษีย้อนหลัง แล้วไม่มีเงินจ่าย ทางผู้เสียภาษีสามารถขอลดเบี้ยปรับ หรือทำการผ่อนชำระได้ รวมไปถึงสามารถยื่นอุทธรณ์ได้หากมองว่าการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังในครั้งนี้ของสรรพากรไม่ถูกต้องตามระเบียบ

ยื่นภาษีย้อนหลังได้ไหม

สำหรับคนที่ไม่เคยยื่นภาษีรายได้ หรือหลงลืมไม่ได้ยื่นภาษี สามารถยื่นภาษีรายได้บุคคลธรรมดาผ่านทางออนไลน์ ย้อนหลังได้ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป หากต้องการยื่นภาษีย้อนหลังมากกว่านั้นจะต้องยื่นด้วยกระดาษผ่านกรมสรรพากรในพื้นที่

ในการยื่นภาษีย้อนหลัง จะต้องเสียเงินเพิ่มในอัตรา 1.5% ของภาษีที่ต้องชำระ และต้องเสียค่าปรับอาญาด้วย โดยหากยื่นภาษีออนไลน์ย้อนหลังล่าช้าภายใน 7 วัน เสียค่าปรับ 100 บาท หากยื่นล่าช้ามากกว่า 7 วัน เสียค่าปรับ 200 บาท ส่วนอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนดไว้คือ 2,000 บาท

ถ้าไม่อยากโดนภาษีย้อนหลัง ต้องทำอย่างไร

ยื่นภาษี

ทางออกเดียวของการไม่ถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลัง คือการยื่นภาษีให้ถูกต้อง โดยหากมีการยื่นภาษีแล้ว อำนาจในการตรวจสอบภาษีย้อนหลังของกรมสรรพากรจะอยู่ที่ 5 ปี แต่หากไม่มีการยื่นภาษีย้อนหลัง อำนาจของการตรวจสอบของกรมสรรพากรจะอยู่ที่ 10 ปี ไม่ว่าเกณฑ์รายได้จะถึงหรือไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษีก็ตาม นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่มีรายได้ต่อปีเกิน 1.8 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล จะต้องไปจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม รู้จักการทำบัญชี และเสียภาษีให้ถูกต้อง

แยกบัญชีธุรกิจ ทำบัญชีให้ถูกต้อง

ปัญหาที่ผู้ประกอบการ SMEs พบเป็นประจำ คือไม่มีการแยกบัญชีชัดเจน ทำให้ไม่ทราบว่าเงินไหนเป็นรายได้ส่วนตัว เงินไหนเป็นรายได้ธุรกิจ เงินไหนเป็นเงินโอนส่วนตัว หรือเงินไหนเป็นเงินโอนธุรกิจ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการจะต้องรู้จักทำบัญชีให้ถูกต้อง รู้จักการเก็บรักษาเอกสารเพื่อให้ง่ายต่อการค้นหาและตรวจสอบ เพราะหากวันหนึ่งเกิดมีรายได้มากขึ้น และถูกสรรพากรตรวจสอบแล้ว ผู้ประกอบการจะได้นำส่งเอกสาร พยาน หลักฐาน ให้สรรพากรตรวจสอบได้ หากไม่มีหลักฐานไปชี้แจงต่อสรรพากร ก็ต้องยอมจ่ายค่าปรับและเงินเพิ่มต่างๆ ที่สรรพากรเรียก

ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ eTax ได้ที่
Blog:
www.etaxgo.com/blog
Facebook: https://www.facebook.com/eTaxGo.official


Tags

ภาษีย้อนหลัง


บทความที่น่าสนใจ

สรุปเงื่อนไข คนละครึ่งพลัส สำหรับผู้ยื่นภาษี ได้เท่าไร ใช้ยังไง

สรุปเงื่อนไข คนละครึ่งพลัส สำหรับผู้ยื่นภาษี ได้เท่าไร ใช้ยังไง

อยากใช้ e-Tax ต้องทำอย่างไร พร้อมรับมาตรการรัฐปลายปี

อยากใช้ e-Tax ต้องทำอย่างไร พร้อมรับมาตรการรัฐปลายปี

e-Withholding Tax คืออะไร ตัวช่วยจัดการภาษีหัก ณ ที่จ่าย

e-Withholding Tax คืออะไร ตัวช่วยจัดการภาษีหัก ณ ที่จ่าย
>