เช็กลิสต์ลดหย่อนภาษี ยื่นปี 2569 แบบไหนคุ้มสุด
August 8, 2025

เทศกาลยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งมีกำหนดยื่นในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมของทุกปี นี่อาจเป็นช่วงเวลาที่คนทำงานหลายคนกำลังมองหาแนวทางต่าง ๆ เพื่อลดหย่อนภาษีก่อนการยื่นแบบ หากเริ่มวางแผนตั้งแต่ตอนนี้ยังถือว่าทันเวลาดี และยังสามารถเลือกซื้อกองทุนหรือประกันภัยต่าง ๆ ได้ในราคาที่คุ้มค่าที่สุด วันนี้ eTaxGo จึงขอนำเสนอคู่มือลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2568 เพื่อยื่นในปี 2569 ฉบับอัปเดตล่าสุดมาฝากทุกท่านกัน

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คืออะไร

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หรือ ภ.ง.ด. 90 / ภ.ง.ด. 91 คือภาษีที่ผู้มีรายได้พึงประเมิน 8 ประเภท ในรอบปีภาษีนั้น ๆ ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ซึ่งวิธีการดูรอบปีที่ต้องเสียภาษี คือการเอาปีที่ยื่นภาษีลบ 1 ยกตัวอย่างเช่น หากต้องยื่นภาษีในปี 2569 หมายความว่า รอบปีที่ต้องแสดงรายได้และรายการภาษี คือปี 2568 นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 ธันวาคม 2568

สำหรับรายได้พึงประเมิน 8 ประเภทนั้น มีดังต่อไปนี้

  • 40(1) เงินเดือน โบนัส ค่าล่วงเวลา
  • 40(2) รับจ้างทำงาน ค่านายหน้า
  • 40(3) ค่าลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร
  • 40(4) ดอกเบี้ย เงินปันผล ส่วนแบ่งกำไร เงินลงทุน
  • 40(5) ค่าเช่าบ้าน/คอนโด หรือทรัพย์สินอื่น รวมไปถึงค่าผิดสัญญาเช่าซื้อทรัพย์สิน
  • 40(6) วิชาชีพอิสระที่กำหนดไว้ เช่น แพทย์ นักบัญชี นักกฎหมาย วิศวกร ฯลฯ
  • 40(7) รับเหมาก่อสร้าง
  • 40(8) รายได้อื่นๆ นอกจาก 1-7 อ้างอิงตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร เช่น ขายของออนไลน์ ดารานักแสดง ฯลฯ

ใครบ้างที่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ผู้ที่มีเงินได้เกิดขึ้นระหว่างรอบปีภาษี มีหน้าที่ต้องยื่นแบบฯ เมื่อมีเงินได้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำตามที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าเมื่อคำนวณแล้วคนนั้น ๆ จะเข้าเกณฑ์ต้องจ่ายภาษีเพิ่มหรือไม่ก็ตาม โดยผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีดังต่อไปนี้

  • บุคคลธรรมดา : หากเป็นคนโสดมีเงินเดือนอย่างเดียว ต้องมีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 120,000 บาท หรือมีเงินได้ประเภทอื่นตั้งแต่ 60,000 บาท หากเป็นคนสมรสมีเงินได้พึงประเมินตั้งแต่ 220,000 บาท หรือมีเงินได้ประเภทอื่นตั้งแต่ 120,000 บาท
  • ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล : มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
  • ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี : ใช้เกณฑ์เดียวกันกับบุคคลธรรมดา
  • กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง : มีเงินได้พึงประเมินเกิน 60,000 บาท
  • วิสาหกิจชุมชน ตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมวิสาหกิจชุมชน เฉพาะที่เป็นห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ยื่นตอนไหน

สำหรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด. 90 (ผู้มีเงินได้พึงประเมินทุกประเภท) และ ภ.ง.ด. 91 (ผู้มีเฉพาะเงินได้พึงประเมินประเภทที่ 1 ม.40(1) ประเภทเดียว) มีหน้าที่ต้องยื่นแบบในเดือนมกราคม - มีนาคม ของทุกปี

รายการลดหย่อนภาษี 2569 มีอะไรบ้าง

สำหรับรายการลดหย่อนภาษีล่าสุด ที่จะใช้ยื่นภาษี 2569 มีหลายรายการ โดยแบ่งออกตามหมวดหมู่ต่อไปนี้

ประเภทที่ 1 หักลดหย่อนตัวเอง คู่สมรส พ่อแม่ บุตร คนในครอบครัว

  • ผู้มีเงินได้ : ลดหย่อน 60,000 บาท
  • คู่สมรสไม่มีเงินได้ : ลดหย่อน 60,000 บาท
  • ผู้มีเงินได้และคู่สมรสก็มีเงินได้ : ลดหย่อนรวมกันไม่เกิน 120,000 บาท
  • บุตรที่ชอบตามกฎหมาย, บุตรบุญธรรม : ลดหย่อนคนละ 30,000 บาท
    - หากมีบุตรคนที่ 2 ที่เกิดตั้งแต่ปี 2561 : ลดหย่อนคนละ 60,000 บาท
  • ค่าฝากครรภ์ ค่าคลอดบุตร : หักลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 60,000 บาทต่อการตั้งครรภ์ 1 ครั้ง
  • ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดา-มารดา : ลดหย่อนคนละ 30,000 บาท และหักลดหย่อนบิดามารดาของคู่สมรสได้อีกคนละ 30,000 บาท ภายใต้เงื่อนไขว่าบิดามารดา ต้องมีรายได้พึงประเมินในปีภาษีที่ขอลดหย่อนไม่เกิน 30,000 บาท
  • ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการ-ทุพพลภาพ : ลดหย่อนคนละ 60,000 บาท

ประเภทที่ 2 ค่าลดหย่อนประเภทประกัน

  • ค่าเบี้ยประกันชีวิต : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 100,000 บาท
    - ต้องเป็นกรมธรรม์ที่มีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป
    - กรมธรรม์ที่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนคืน ต้องไม่เกินร้อยละ 20 ของเบี้ยรายปี
    - เบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสที่ไม่มีเงินได้ หักลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท
  • ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 25,000 บาท
    - หากค่าเบี้ยประกันสุขภาพ ถูกนำไปรวมกับค่าเบี้ยประกันชีวิต จะต้องไม่เกิน 100,000 บาท
  • ค่าเบี้ยประกันสุขภาพบิดามารดาของผู้มีเงินได้และคู่สมรส : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 15,000 บาท
    - บิดามารดาต้องไม่มีเงินได้พึงประเมินในปีที่ใช้สิทธิยกเว้นภาษี เงินได้เกิน 30,000 บาท
  • ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินร้อยละ 15 ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
    - เบี้ยประกันบำนาญต้องมีความคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป, จ่ายผลประโยชน์เมื่ออายุ 55-85 ปีหรือมากกว่านั้น

สำหรับเบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ เมื่อรวมเข้ากับเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, เงินสะสมกองทุน กบข, เงินสะสมกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยเอกชน, เงินค่าซื้อหน่วย RMF ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

ประเภทที่ 3 ค่าลดหย่อนประเภทกองทุน

  • เงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท แต่ในส่วนที่เกิน 10,000 บาท แต่ไม่เกิน 15% ของค่าจ้าง และไม่เกิน 490,000 บาท ได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำไปรวมคำนวณเงินได้เพื่อเสียภาษี 
  • เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนใน RMF : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีในปีนั้น สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
     - ต้องถือหน่วยไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่การลงทุนครั้งแรก ถือครองจนอายุ 55 ปี และต้องลงทุนต่อเนื่องทุกปี หรือสามารถเว้นการซื้อได้ 1 ปี
    - เมื่อรวมเข้ากับเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินสะสมกองทุน กบข, เงินสะสมกองทุนสงเคราะห์ตามกฎหมายว่าด้วยเอกชน ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
  • เงินค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินในปีนั้น และต้องไม่เกิน 200,000 บาท
  • เงินค่าซื้อหน่วยลงทุน Thai ESG : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินในปีนั้น และต้องไม่เกิน 300,000 บาท
    - ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน (มีผลบังคับใช้ในปี 2567-2569)
  • เงินค่าซื้อหน่วยลงทุน Thai ESGX : สำหรับผู้ลงทุนใหม่ ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง ในอัตราไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมินในปีนั้น และต้องไม่เกิน 300,000 บาท
    - ต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ซื้อหน่วยลงทุน
    - วงเงินลงทุนของ Thai ESGX สำหรับการลงทุนใหม่ แยกออกต่างหากจาก Thai ESG และการสับเปลี่ยนจาก LTF ไปที่ Thai ESGX
    - สำหรับผู้ที่สับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF ไปที่ Thai ESGX จะได้รับวงเงินลดหย่อนสูงไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน โดยมีหลักเกณฑ์ลดหย่อนสูงสุดแบ่งตามปี โดยจากรายได้พึงประเมินในปี 2568 ลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท และหากมีส่วนที่เกินวงเงินนี้ จะถูกนำไปลดหย่อนในปีภาษี 2569-2572 ปีละ 50,000 บาท
  • เงินสะสม กบข. : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • เงินสะสมกองทุนสงเคราะห์ครูเอกชน : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • เงินสะสมกองทุนการออมแห่งชาติ : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
  • เงินสมทบประกันสังคม : ลดหย่อนได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 9,000 บาท

ประเภทที่ 4 ค่าลดหย่อนจากดอกเบี้ยบ้าน - สร้างบ้าน

  • ดอกเบี้ยบ้าน : ลดหย่อนภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • ค่าก่อสร้างอาคารที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้รับจ้าง (สำหรับผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) : ลดหย่อนได้ไม่เกิน 100,000 บาท (จำนวน 10,000 บาท ต่อทุก 1,000,000 บาท)

ประเภทที่ 5 ค่าลดหย่อนประเภทกระตุ้นเศรษฐกิจ

  • ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ (Easy E-Receipt) ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 หักลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท โดยแบ่งวงเงินออกเป็น 2 ส่วนคือ
    - วงเงินส่วนแรก 30,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้าทั่วไปกับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้
    - วงเงินส่วนที่สองคือ 20,000 บาท สำหรับการซื้อสินค้ากับร้านค้า OTOP หรือร้านค้าวิสาหกิจชุมชน

ประเภทที่ 6 ค่าลดหย่อนประเภทเงินบริจาค

  • เงินบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา โรงพยาบาลรัฐ ผ่านระบบ e-Donation หักได้ 2 เท่าของที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
  • เงินบริจาคอื่น หักได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้ หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
  • เงินบริจาคให้แก่พรรคการเมือง หักลดหย่อนเท่าที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท

ประเภทที่ 7 ค่าลดหย่อนอื่น ๆ

ลดหย่อนสำหรับดึงดูดหัวกะทิกลับไทย : ลูกจ้างที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเกิน 17% ให้ลดเหลือ 17% ของเงินได้ เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่กรมสรรพากรได้รับแจ้งจากนายจ้าง และเป็นเงินได้พึงประเมินที่รับตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ – 31 ธันวาคม 2572

เงื่อนไข:

  • ลูกจ้างต้องมีสัญชาติไทย
  • วุฒิการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี
  • ทำงานในต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 2 ปี
  • กลับเข้าไทยตั้งแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ – 31 ธันวาคม 2568
  • เป็นลูกจ้างในบริษัท ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
  • ไม่เคยทำงานในไทยก่อนปีที่เริ่มใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี
  • ไม่ได้อยู่ในไทยก่อนปีภาษีที่ใช้สิทธิ์ 2 ปี หากเข้ามาชั่วคราวระยะเวลาหนึ่งต้องไม่เกิน 180 วัน
  • ในปีภาษีที่ใช้สิทธิ์ ต้องอยู่ในไทยไม่น้อยกว่า 180 วัน เว้นแต่ปีภาษีแรกและปีภาษีสุดท้าย อยู่น้อยกว่า 180 วันได้

มาตรการการติดตั้งโซลาร์เซลล์ เพื่อลดหย่อนภาษี

สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 แบบดังนี้:

  • หากลงทุน ปรับปรุงเครื่องจักร อุปกรณ์ประสิทธิภาพสูง และวัสดุเพื่อการอนุรักษ์พลังงาน: สำหรับผู้ที่มีรายได้ต้องประเมินตามมาตรา 40 (5) (6) (7) (8) สามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายได้ 1.5 เท่าของที่จ่ายจริง
  • หากติดตั้ง Solar Rooftop: สำหรับผู้ที่มีรายได้ต้องประเมินตามมาตรา 40 (1)-(8) สามารถลดหย่อนภาษีได้ในวงเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 200,000 บาท
    เงื่อนไข:
    - ชื่อผู้ใช้สิทธิ์ต้องตรงกับชื่อเจ้าของมิเตอร์ไฟฟ้า
    - สิทธิ์การลดหย่อน 1 บุคคลต่อ 1 มิเตอร์ ต่อ 1 ระบบ
    - ต้องเป็นระบบ On-Grid มีกำลังการผลิตที่ติดตั้งไม่เกิน 10 kW ต่อหลัง
    - มีการจัดซื้อ ติดตั้ง และขออนุญาตกับโครงข่ายไฟฟ้าเพื่อจำหน่าย
    - มีใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง

คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับรายการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ติดโซลาร์เซลล์ ลดหย่อนภาษีได้หรือไม่

  • ได้ แต่ต้องตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นการติดตั้ง Solar Rooftop

บริจาคแบบไหน ถึงลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า

  • การบริจาคที่ช่วยลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า คือการบริจาคให้สถานพยาบาล โรงเรียน กีฬา โรงพยาบาลรัฐ ผ่านระบบ e-Donation สามารถค้นหาหน่วยงานได้ที่นี่: https://epayapp.rd.go.th/rd-edonation/tax-payer/check-donation/unit

ประกันชีวิตลดหย่อนภาษี มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง

  • ประกันชีวิตต้องมีระยะเวลาคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป หากขอคืนกรมธรรม์ก่อน 10 ปี จะถูกเรียกผลประโยชน์ทางภาษีคืน
  • ประกันชีวิตต้องไม่มีผลตอบแทนเกิน 20% ของเบี้ยที่จ่าย หากผลตอบแทนเกินนี้จะไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้
  • ผู้ใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีต้องเป็นชื่อของผู้เอาประกันเอง
  • บริษัทประกันต้องอยู่ในไทยและมีใบอนุญาตจาก คปภ.

ประกันสะสมทรัพย์ ลดหย่อนภาษี มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง

  • เงื่อนไขของประกันสะสมทรัพย์จะเหมือนกันกับประกันชีวิต โดยที่ลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี หากมีประกันชีวิตแบบบำนาญ สามารถนำมาลดหย่อนเพิ่มเติมได้ แต่ต้องรวมกันไม่เกิน 300,000 บาท และทั้งประกันชีวิต RMF SSF กบข. หรือกองทุนอื่น ๆ รวมกันแล้วไม่เกิน 500,000 บาท

ซื้อกองทุนอะไรบ้าง ถึงลดหย่อนภาษีได้

  • กองทุน RMF ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
  • กองทุน SSF ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
  • กองทุน Thai ESG ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท
  • กองทุน Thai ESGx ลดหย่อนได้ 30% ของรายได้ สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท

ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ eTax ได้ที่
Blog:
www.etaxgo.com/blog
Facebook: https://www.facebook.com/eTaxGo.official


Tags

ลดหย่อนภาษี


บทความที่น่าสนใจ

บิลเงินสด VS. ใบเสร็จรับเงิน ใช้แบบไหนดี พร้อมตัวอย่าง

บิลเงินสด VS. ใบเสร็จรับเงิน ใช้แบบไหนดี พร้อมตัวอย่าง

ลงทุนระบบ e-Tax e-Receipt ลดหย่อนภาษีสูงสุดอ 2 เท่า หมดเขตสิ้นปี 2568

ลงทุนระบบ e-Tax e-Receipt ลดหย่อนภาษีสูงสุดอ 2 เท่า หมดเขตสิ้นปี 2568

คู่มือร้านค้าออนไลน์-ร้านเล็ก เข้าร่วม Easy E-Receipt ง่าย ๆ ออก e-tax ได้ไม่กี่ขั้นตอน

คู่มือร้านค้าออนไลน์-ร้านเล็ก เข้าร่วม Easy E-Receipt ง่าย ๆ ออก e-tax ได้ไม่กี่ขั้นตอน
>