ในยุคนี้ที่เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก ข้อมูลต่าง ๆ อยู้บนโลกออนไลน์ กรมสรรพากรก็ได้มีการปรับปรุงการทำงานด้านภาษีให้มีประสิทธิภาพ และอำนวยความสะดวกให้ทุกฝ่ายมากที่สุด นั่นจึงเป็นที่มาของ e-withholding tax ตัวช่วยในเรื่องการหักภาษี ณ ที่จ่าย ที่ทั้งฝั่งผู้จ่าบเงินและผู้รับเงินไม่ต้องวุ่นวายกับการจัดทำและนำส่งเอกสารอีกต่อไป เพราะทางธนาคารจะรับหน้าที่แทนกรมสรรพากรในการจัดเก็บ นำส่งเงินภาษี และจัดส่งเอกสารให้ทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตาม แม้กรมสรรพากรจะเปิดระบบนี้มาหลายปี แต่ยังมีผู้ประกอบการหลายคนไม่ทราบ ซึ่งเราจะมารู้จัก e-withholding tax กัน
e-withholding Tax คืออะไร
e-withholding Tax คือ ระบบการหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จากเดิมที่เจ้าของธุรกิจจะเป็นผู้หัก ณ ที่จ่ายและนำส่งเงินหัก ณ ที่จ่ายให้กรมสรรพากรเอง แต่หากใช้ระบบ e-withholding Tax ผู้จ่ายเงินจะสั่งโอนเงินพร้อมแจ้งข้อมูลเรื่องการหักภาษี ณ ที่จ่ายให้ธนาคารทราบ จากนั้นธนาคารจะทำการหักเงินภาษี ณ ที่จ่ายเอาไว้ และนำส่งเงินที่หัก ณ ที่จ่ายให้กรมสรรพากรเอง แล้วก็จะส่งเงินให้กับทางผู้รับ และเมื่อกระบวนการเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้จ่ายเงินและผู้รับเงิน สามารถตรวจสอบเอกสารได้ผ่านระบบของกรมสรรพากร
ข้อดีของ e-withholding Tax คือช่วยลดขั้นตอนทั้งฝั่งผู้จ่ายเงินและผู้รับเงิน ฝั่งผู้จ่ายไม่ต้องทำหนังสือหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)ไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการหัก ณ ที่จ่าย และฝั่งผู้รับเงินก็ไม่ต้องเก็บเอกสารหัก ณ ที่จ่าย และไม่ถูกตรวจสอบเอกสารอีกด้วย
ข้อดีของ e-withholding Tax
e-withholding Tax ถือเป็นมิติใหม่ของการหักและจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย ที่ส่งผลดีต่อทั้งฝั่งผู้จ่ายเงิน และฝั่งผู้รับเงิน ดังนี้
ฝั่งผู้จ่ายเงิน
- ไม่ต้องจัดทำ จัดส่ง จัดเก็บหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (50 ทวิ) ช่วยในการลดต้นทุนในการจัดทำ นำส่ง และจัดเก็บเอกสาร ซึ่งผู้จ่ายเงินยังสามารถตรวจสอบข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่ายผ่าน e-withholding Tax ได้ 24 ชั่วโมงผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร -ผู้ประกอบการไม่ต้องยื่นแบบแสดงรายการชำระภาษีหัก ณ ที่จ่ายให้กรมสรรพากร ช่วยประหยักเวลาในการทำเอกสารและประหยัดต้นทุนไปได้มาก
- ผู้ประกอบการจะไม่ถูกเรียกตรวจเอกสารภาษีหัก ณ ที่จ่าย ในกรณีที่เกิดปัญหา เพราะกรมสรรพากรจะตรวจสอบเองในระบบ
- ผู้ประกอบการที่สมัครใช้ e-withholding Tax ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จะได้รับสิทธิพิเศษด้วยการลดอัตราภาษีหัก ณ ที่จ่ายจาก 2-5% เหลือ 1%
- เนื่องจากกรมสรรพากรมีข้อมูลการหักภาษี ณ ที่จ่ายที่ถูกต้องในระบบแล้ว หากมีการขอคืนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย ผู้ประกอบการก็จะได้รับภาษีคืนรวดเร็วมากขึ้น
ฝั่งผู้รับเงิน
- ไม่ต้องเก็บหนังสือรับรองการหัก ณ ที่จ่ายเอาไว้ ช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บ และทำให้การจัดเก็บเอกสารเป็นระเบียบ
- ผู้รับเงินสามารถเรียกดูหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายได้ตลอดเวลา ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
- ไม่ถูกเรียกตรวจเอกสาร การหักภาษี ณ ที่จ่าย เนื่องจากสรรพากรมีข้อมูลอยู่แล้ว
- หากมีการคืนเงินภาษีหัก ณ ที่จ่าย จะได้รับเงินเร็วกว่าเดิม
ขั้นตอนการหักภาษี ณ ที่จ่ายผ่าน e-withholding Tax
- ผู้จ่ายเงินสั่งโอนเงิน และแจ้งจำนวนที่จะส่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายกับทางธนาคาร เช่น หากผู้จ่ายเงินจ่าย 100 บาท มีภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3 บาท ผู้รับเงินจะได้รับเงิน 97 บาท
- ทางธนาคารจะโอนเงิน 97 บาทให้กับผู้รับเงิน และหักภาษี ณ ที่จ่ายเอาไว้ และส่งเอกสารภาษีหัก ณ ที่จ่ายไปให้ผู้รับเงินและผู้จ่ายเงิน
- เมื่อธุรกรรมสำเร็จ ธนาคารก็จะส่งภาษีที่หักเอาไว้ และข้อมูลให้กรมสรรพากรเอง
- หากผู้รับเงินและผู้จ่ายเงิน ต้องการตรวจสอบข้อมูล สามารถตรวจสอบได้ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
ทุกขั้นตอนนั้น ทั้งผู้จ่ายเงินและผู้หักเงิน ไม่ต้องจัดเก็บเอกสาร พิมพ์เอกสาร จัดส่งเอกสารใด ๆ เพราะทุกอย่างจัดอยู่ในระบบของกรมสรรพากรแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องการจ่ายเงิน ผู้จ่ายเงินจะต้องทำการแจ้งข้อมูลนี้ต่อธนาคาร
- เลขประจำตัวผู้เสียภาษี ของผู้นำจ่าย
- ชื่อหรือเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของผู้รับเงิน
- กรณีที่เป็นภาษีเงินได้ ให้ระบุประเภทของเงินได้พึงประเมิน และจำนวนเงินได้ที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีนำส่งและจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ถ้ามี)
- กรณีที่เป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม ให้ระบุมูลค่าทั้งหมดที่ผู้ประกอบการได้รับหรือพึงได้จากการขายสินค้าหรือบริการ
- จำนวนเงินที่ต้องหัก
การสมัครใช้งาน e-withholding Tax
สำหรับนิติบุคคล การสมัครใช้งาน e-withholding Tax สามารถทำได้โดยสมัครผ่านธนาคารที่ใช้บริการอยู่ แต่การที่จะเข้ามาดูเอกสาร จะต้องใช้งานผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เคยยื่นภาษีกับกรมสรรพากรผ่านอินเทอร์เน็ต ไม่จำเป็นต้องสมัครใช้งานเพื่อดูเอกสารใหม่ สามารถใช้ Username-Password ที่เคยใช้ยื่นภาษีเพื่อดูเอกสารได้เลย
สิทธิประโยชน์จาก e-withholding Tax สมัครวันนี้หักภาษีเพียง 1%
สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ e-withholding Tax จำเป็นจะต้องมีการหักภาษี ณ ที่จ่ายตามกฎหมาย เช่น ค่าขนส่งหัก 1% ค่าโฆษณาหัก 2% จ้างงานเหมาหัก 3% ค่าเช่าหัก 5% แต่สำหรับผู้ที่สมัครใช้ e-withholding Tax ก่อนวันที่ 31 ธันวาคม 2568 การหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกประเภทจะเหลือแค่ 1% ช่วยผู้ประกอบการประหยัดภาษีไปได้มากยิ่งขึ้น
ข้อควรรรู้เกี่ยวกับ e-withholding Tax
- ธนาคารไม่ได้เป็นผู้หักภาษี ณ ที่จ่าย แต่ธนาคารทำหน้าที่เหมือนตัวแทนของกรมสรรพากรในการรับเงินภาษี หากมีการหักภาษีหัก ณ ที่จ่าย ทางผู้จ่ายเงินต้องเป็นคนแจ้งกับทางธนาคารเอง
- การใช้งานระบบ e-withholding Tax รองรับทั้งธุรกรรมภายในประเทศ และธุรกรรมข้ามประเทศ โดยที่ธนาคารจะนำส่งภาษีและข้อมูลให้กรมสรรพากร และหากมีข้อมูล Vat ก็จะส่งให้ด้วย โดยที่ผู้ประกอบการไม่ต้องยื่นแบบหัก ณ ที่จ่ายและไม่ต้องออกหนังสือรับรองฯ
- ในระบบ e-withholding Tax จะครอบคลุมการจ่ายภาษีทั้ง ภ.ง.ด.1, ภ.ง.ด.1ก, ภ.ง.ด.1กพิเศษ, ภ.ง.ด.2, ภ.ง.ด.2ก, ภ.ง.ด.3, ภ.ง.ด.3ก, ภ.ง.ด.53, ภ.ง.ด.54, ภ. พ.36 โดยที่ผู้จ่ายเงินไม่ต้องสนใจฟอร์ม เพียงแจ้งจำนวนเงินที่จะจ่าย จำนวนเงินที่จะหัก และผู้รับ ระบบจะทำการเลือกฟอร์มให้เอง
- ผู้ใช้งานระบบ e-withholding Tax ไม่ต้องทำ ภ.ง.ด.1ก, ภ.ง.ด.2ก, ภ.ง.ด.3ก เนื่องจากกรมสรรพากรมีข้อมูลอยู่แล้ว
ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ eTax ได้ที่
Blog: www.etaxgo.com/blog
Facebook: https://www.facebook.com/eTaxGo.official