ค่าใช้จ่ายต้องห้าม

ในการจัดทำภาษี สิ่งหนึ่งที่บัญชีต้องจัดการให้ดีคือรายจ่าย ซึ่งจะไปมีผลต่อการคิดภาษี แต่รายจ่ายในบางประเทภนั้น ไม่จะดูเหมือนว่าเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการ แต่ในความเป้นจริงแล้วกลับเป้นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ไม่ให้นำมาคิดภาษี และจะมีผลต่อการหากำไรทางภาษี อัตราภาษี และการเสียภาษีของนิติบุคคล ซึ่งการรู้จักค่าใช้จ่ายต้องห้ามคืออะไร แบบไหนที่ลงเป็นค่าใช้จ่ายได้ แบบไหนที่ลงไม่ได้ จะทำให้การคำนวณภาษีแม่นยำและโปร่งใสมากขึ้น

รู้จัก กำไรทางภาษี ตัวแปรสำคัญของ ค่าใช้จ่ายต้องห้าม

โดยปกติแล้ว นิติบุคคล (บริษัทหรือห้างหุ้นส่วน) ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่การจะหาว่าเราจะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเท่าไรนั้น จะหาได้โดยการหากำไรทางบัญชีก่อน โดยการหากำไรทางบัญชีหาได้จาก รายได้ - ค่าใช้จ่าย = กำไรทางบัญชี จากนั้นจะต้องนำกำไรทางบัญชีมาปรับปรุง และจะได้กำไรทางภาษี x อัตราภาษี = ภาษีเงินได้นิติบุคคล

การนำกำไรทางบัญชีมาปรับปรุงเพื่อกำไรทางภาษีได้ จะต้องผ่าน 2 อย่างคือ รายได้ทางภาษีและค่าใช้จ่ายต้องห้าม ซึ่งจะเป็นการเพิ่มกำไรทางภาษี และรายได้ที่ได้รับยกเว้นและรายจ่ายที่หักเพิ่ม ซึ่งจะถือเป็นการลดกำไรทางภาษี

ทั้งนี้ สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องรู้คือ กำไรทางบัญชี ≠ กำไรทางภาษี บริษัทสามารถขาดทุนทางบัญชี แต่มีกำไรทางภาษีได้ โดยหนึ่งในตัวแปรนั้นก็คือ ค่าใช้จ่ายต้องห้าม

ค่าใช้จ่ายต้องห้าม คืออะไร

ค่าใช้จ่ายต้องห้าม หรือ รายจ่ายต้องห้าม คือค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการดำเนินการของนิติบุคคล มีการบันทึกเป็นรายจ่ายตามรอบระยะในทางบัญชีได้ ทว่ารายจ่ายที่เกิดขึ้นนั้น ในทางภาษีแล้วจะไม่ถือเป็นรายจ่ายที่สามารถนำไปคำนวณเพื่อหากำไรทางภาษีได้ โดยอาจจะเป็นรายจ่ายที่สรรพากรมองว่าเป็นการลงทุน เป็นรายจ่ายที่ไม่มีอยู่จริง หรือเป็นรายจ่ายที่ไม่มีหลักฐานก็ได้

ค่าใช้จ่ายต้องห้าม มีอะไรบ้าง

ค่าใช้จ่ายต้องห้ามนั้นมีทั้งหมด 20 รายการ ซึ่งแต่ละรายการแบ่งออกได้ ดังนี้

  1. เงินสำรองต่าง ๆ ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ยกเว้นบางกรณี เช่น เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัย เพื่อสมทบทุนประกันชีวิตได้ไม่เกินร้อยละ 65 ของจำนวนเบี้ยประกันชีวิตที่ได้รับ, เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันภัยอื่นที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไรเฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 40 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับ, เงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ
  2. เงินที่จ่ายเข้ากองทุนใด ๆ ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ยกเว้นแต่ที่บริษัทจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
  3. รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศล ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ยกเว้นบางกรณีคือ รายจ่ายที่บริจาคเพื่อการกุศลหรือประโยชน์สาธารณะตามที่กฎหมายกำหนด หรือการบริจาคเพื่อการศึกษาหรือกีฬา ได้ไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ
    1. รายจ่ายเป็นการส่วนตัว: คือค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ เช่น ค่าช้อปปิ้งซื้อของใช้เข้าบ้านของผู้บริหาร ซื้อเครื่องซักผ้ามาใช้ที่คอนโด เป็นต้น
    2. รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการให้โดยเสน่หา คือรายจ่ายที่เหมือนเป็นการจ่ายให้เปล่าโดยที่ผู้รับไม่ต้องกระทำการใดตอบแทน เช่น พนักงานบริษัทกำลังจะแต่งงาน และบริษัทช่วยใส่ซอง 10,000 บาท แบบนี้ถือว่าเป็นการให้โดยเสน่หา ไม่สามารถเอามาเป็นรายจ่ายบริษัทได้
    3. รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการกุศล คือรายจ่ายที่เหมือนการทำบุญทำทาน บริจาคช่วยเหลือสังคมต่าง ๆ ยกเว้นแต่ที่ได้รับกำหนด เช่น ใส่ซองผ้าป่า บริจาคช่วยน้ำท่วม เป็นต้น
  4. ค่ารับรองหรือค่าบริการ ค่ารับรองโดยส่วนมากจะถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ไม่สามารถนำมาเป็นรายจ่ายทางภาษีได้ ยกเว้นว่าค่ารับรองนั้นจะเป็นไปตามธรรมเนียมธุรกิจ มีเหตุมีผลสมควร และไม่เกินเพดานของกฎหมายกำหนด และต้องมีเอกสารครบถ้วน คือ
    1. ค่ารับรองนั้นต้องเป็นไปตามธรรมเนียมธุรกิจ ใช้เพื่อการรับรองต้อนรับตามธรรมเนียม โดยที่ผู้รับรองต้องไม่ใช่พนักงาน ยกเว้นแต่ว่าพนักงานจะเข้าร่วมงานนั้น ๆ
    2. ค่ารับรองนั้นต้องมีความเกี่ยวข้องโดยตรง เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่ม ที่พัก กีฬา ของขวัญ สิ่งของที่ให้ได้ไม่เกิน 2,000 บาท/คน/ครั้ง
    3. ค่ารับรองนั้นจะมีเพดานหักค่าใช้จ่าย โดยหักได้ตามจริงแต่ไม่เกิน 0.3 % ของรายได้หรือยอดขายก่อนหักค่าใช้จ่าย หรือ 0.3% ของทุนที่ชำระแล้ว (เลือกอันที่มากกว่า) และต้องไม่เกิน 10 ล้านบาท/ปี
    4. ค่ารับรองนั้นต้องได้รับการอนุมัติจากผู้มีอำนาจ และต้องมีหลักฐานการใช้จ่ายชัดเจน เช่น ใบเสร็จรับเงิน ใบกำกับภาษี
  5. รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม โดยต้องรายจ่ายที่ทำให้ทรัพย์สินหรือที่ดินมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ทำให้อายุการใช้งานนานขึ้นหรือทำให้อยู่ในสภาพที่ดีกว่าเดิม และเป็นประโยชน์ต่อกิจการเกินกว่า 1 รอบบัญชี ทางภาษีมองว่ารายจ่ายนี้เป็น "การลงทุน" ไม่มองว่าเป็นรายจ่าย เช่น การรีโนเวทพื้นที่เพื่อให้เช่า, ตกแต่งอาคารเพื่อรอการขาย แต่หากการกระทำนั้นเป็นการซ่อมแซมเพื่อให้ใช้งานได้ดีเหมือนเดิม ไม่ได้ทำให้ดีขึ้น แบบนี้จะนับเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี
  6. เบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่มภาษีอากร ค่าปรับอาญา เหล่านี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้ามที่หักภาษีไม่ได้ รวมถึงค่าปรับและเงินเพิ่มจากกฎหมายภาษีทุกประเภท และค่าปรับทางอาญา ในส่วนของภาษีซื้อ ไม่ถือเป็นรายได้หรือรายจ่ายของกิจการ แต่เป็นเงินภาษีที่นิติบุคคลต้องหักเพื่อนำส่งสรรพากร ซึ่งผู้ประกอบกิจการสามารถนำภาษีซื้อ ภาษีขาย เพื่อไปขอเป็นเครดิตคืนได้หากภาษีซื้อมากกว่าภาษีขาย ยกเว้นแต่ว่า ภาษีซื้อนั้นเป็นภาษีซื้อ ที่สามารถนำไปเป็นค่าใช้จ่ายได้ เช่น
    1. ภาษีซื้อจากค่ารับรอง / ค่าใช้จ่ายทำนองเดียวกัน
    2. ภาษีซื้อจากรถยนต์ไม่เกิน 10 ที่นั่งและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง
    3. ภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีอย่างย่อ
    4. ภาษีซื้อจากกิจการที่ไม่ต้องเสีย VAT
    5. ภาษีซื้อจากกิจการที่ปลูกสร้างเพื่อใช้งานเอง แต่ต่อมามีการนำไปขาย ให้เช่า หรือใช้ในกิจการที่ไม่ต้องเสีย VAT ภายใน 3 ปี
    6. ภาษีซื้อจากการออกใบกำกับภาษีที่ไม่ถูกต้องตามรูปแบบ
  7. การถอนเงินโดยปราศจากค่าตอบแทนของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม เนื่องจากทางสรรพากรมองว่า การถอนเงินของหุ้นส่วนเป็นการถอนทุนหรือแบ่งกำไร เปรียบเสมือนกับการถอนเงินออกไป จึงไม่ใช่ค่าใช้จ่ายของกิจการ
  8. เงินเดือนของผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะส่วนที่จ่ายเกินสมควร ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ในส่วนนี้สรรพากรมองว่า เงินเดือนของผู้ถือหุ้นหรือหุ้นส่วน สามารถนับเป็นรายจ่ายได้ แต่ห้ามเกินสมควร และถ้าเจ้าหน้าที่มองว่ามีการจ่ายเงินเดือนเกินกว่ากำหนดเมื่อเทียบกับกิจการประเภทเดียวกัน ลักษณะงานใกล้เคียงกัน ตำแหน่งคล้ายกัน ส่วนที่เกินนั้นจะถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม
  9. รายจ่ายซึ่งกำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง หรือเป็นรายจ่ายที่ควรอยู่ในรอบบัญชีอื่น เช่น หากมีการตั้งบันทึกค่าใช้จ่ายขึ้นมาเองโดยไม่ได้มีการจ่ายเงินจริง ๆ หรือไม่ได้รับประโยชน์ตอบแทนใด ๆ สรรพากรจะมองว่าเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม แต่หากค่าใช้จ่ายนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่เลื่อนการจ่าย เพราะจ่ายไม่ทันในรอบบัญชีนั้น ๆ จะสามารถอนุโลมให้ลงบัญชีในรอบถัดไปได้
  10. ค่าตอบแทนแก่ทรัพย์สินของตัวเอง เช่น บริษัทสาขาย่อย จ่ายเงินค่าเช่าสำนักงานที่สำนักงานใหญ่เป็นเจ้าของพื้นที่ แบบนี้ถือเป็นนิติบุคคลเดียวกัน เป็นค่าใช้จ่ายภายในตัวเอง ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ไม่สามารถหักภาษีได้
  11. ดอกเบี้ยจากเงินทุนของตัวเอง เช่น หากบริษัทมีเงินสำรองและให้ดอกเบี้ยกับเงินสำรองนั้น ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้ามเพราะสรรพากรมองว่า เงินยังคงอยู่ในบริษัท
  12. ความเสียหายหรือผลขาดทุนสุทธิที่ผ่านมา หากเป็นความเสียหายที่มีสิทธิ์ได้รับคือ เช่น อยู่ในระหว่างการรอประกัน อยู่ในระหว่างการชดใช้ค่าเสียหาย หรือผลขาดทุนสุทธิจากรอบบัญชีเก่าที่เกิน 5 ปี แบบนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม ยกเว้นแต่ว่า ความเสียหายนั้นได้รับการชดใช้บางส่วน และส่วนที่ไม่ได้รับการชดใช้สามารถบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายได้ รวมไปถึง ผลขาดทุนสุทธิจากรอบบัญชีที่ยกมาได้สูงสุด 5 ปี
  13. รายจ่ายที่ไม่ใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ เนื่องจากนิติบุคคลนั้นตั้งขึ้นมาเพื่อแสวงหากำไร และรายจ่ายนั้นจะต้องอยู่ในวัตถุประสงค์ของกิจการ จึงจะถือเป็นรายจ่ายได้ เช่น หากรายจ่ายนั้นเป็นรายจ่ายส่วนตัวของผู้บริหาร หรือเป็นรายจ่ายที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อกิจการ รายจ่ายนั้นจะถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม
  14. รายจ่ายที่ไม่เกี่ยวกับกิจการในประเทศไทย โดยหลักแล้วถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม แต่มีข้อยกเว้นคือ มีเอกสาร หลักฐานใด ๆ ที่พิสูจน์ได้ว่ารายจ่ายนั้นเกี่ยวข้องและจำเป็นกับสาขาในประเทศไทย เช่น ค่าบริการหรือความช่วยเหลือจากสำนักงานใหญ่, ค่า Research & Development โดยที่รายจ่ายนั้นต้องมีหลักฐานหรือหนังสือรับรอง หรือมีรายละเอียดเพียงพอว่ารายจ่ายนั้นเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจในไทย และต้องไม่ถูกนำไปหักภาษีซ้ำกับสำนักงานใหญ่หรือสาขาอื่น
  15. ค่าซื้อทรัพย์สินเกินราคา หากทรัพย์สินที่ซื้อมาเกินกว่าราคาปกติโดยไม่มีเหตุอันสมควร ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม และส่วนมากมักจะเกี่ยวข้องกับการกำหนดราคาโอน ระหว่างบริษัทในเครือทั้งในไทยและต่างประเทศ เพื่อโยกกำไรไป-มา
  16. ค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่สูญสิ้น เช่น เหมืองแร่ ป่าไม้ เมื่อทรัพยากรหมดลงไป ไม่สามารถนำมูลค่าที่สูญไปมาบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายได้ เนื่องจากการสูญไปตามธรรมชาติ ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่กิจการใช้ไปจริง ๆ
  17. การตีราคาทรัพย์สินลดลง หากการตีราคาทรัพย์สินนั้นลดลง เช่น ที่ดิน เครื่องจักร มีมูลค่าเสื่อมลง ไม่สามารถนำมาเป็นค่าใช้จ่ายได้ ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม เพราะการตีราคาทรัพย์สินนั้นว่าเสื่อมราคา ไม่ใช่การขาดทุนจริง ๆ อันเนื่องมาจากยังไม่มีการขายออกไป หากมาอนุญาตก็จะเท่ากับว่า สรรพากรให้กิจการลดค่าใช้จ่ายกันเองโดยพลการ
  18. รายจ่ายที่พิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ กรณีนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม เช่น การซื้อของโดยไม่มีใบเสร็จรับเงิน หรือซื้อของโดยบิลเงินสด แต่รูปแบบไม่ถูกต้อง ไม่มีชื่อ-ที่อยู่ร้านค้า ไม่มีรายละเอียดสินค้าที่ครบถ้วน หรือไม่มีเลขประจำตัวผู้เสียภาษี แต่ในกรณีที่มีเอกสารหลักฐานครบถ้วน เช่น ใบกำกับภาษีเต็มรูป แบบนี้สามารถนำมาหักค่าใช้จ่ายได้
  19. รายจ่ายที่กำหนดจากกำไร เช่น ค่าที่ปรึกษาที่เป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไร หรือโบนัสตามกำไรสุทธิ แบบนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้าม เนื่องจากการจ่ายในลักษณะนี้เป็นการแบ่งกำไรกัน ไม่ใช่การจ่ายเงินเพื่อหากำไรเข้าบริษัท
  20. รายจ่ายอื่น ๆ หากมีรายจ่ายอื่น ๆ ที่มีลักษณะเดียวกันกับข้อ 1-19 อาจถูกกำหนดเป็นค่าใช้จ่ายต้องห้ามเพิ่มเติม เพื่อปิดช่องไม่ให้บริษัทขยายความให้สิทธิ์หักรายจ่ายได้เองโดยไม่สมควร

หากลงค่าใช้จ่ายต้องห้าม จะเกิดอะไรขึ้น

หากมีการลงค่าใช้จ่ายต้องห้ามทางบัญชีไปแล้ว จะต้องนำออกด้วยการ "บวกกลับ" เพื่อหากำไรทางภาษี ซึ่งในกรณีที่สรรพากรตรวจพบว่า มีการนำเข้าค่าใช้จ่ายต้องห้าม สรรพากรสามารถมีคำสั่งให้บริษัทคำนวณภาษีใหม่ และต้องเสียภาษีเพิ่ม พร้อมกับเสียเบี้ยปรับหรือถูกลงโทษอื่น ๆ

ตัวอย่าง เมื่อมีการลงค่าใช้จ่ายต้องห้าม

บริษัทฟิกซ์โซลูชัน ของนายเอกวิทย์ ได้มีการจัดทำบัญชี และพบว่าในทางบัญชีนั้นบริษัทขาดทุนอยู่ 300,000 บาท แต่เมื่อไปตรวจสอบทางภาษีพบว่า มีรายการหลายรายการที่เข้าข่ายค่าใช้จ่ายต้องห้าม เช่น

  • นายเอกวิทย์ ผู้บริหารของบริษัท ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ และนำค่าใช้จ่ายมาเบิกกับบริษัท 100,000 บาท
  • บริษัทลูกที่นายเอกวิทย์นั่งแท่นเป็นผู้บริหาร ได้จ่ายค่าเช่าให้กับสำนักงานใหญ่ เป็นเงินค่าเช่าทั้งหมด 700,000 บาท
  • บริษัทของนายเอกวิทย์ ต้องเสียค่าเบี้ยปรับให้กรมสรรพากร 200,000 บาท

จากกรณีนี้จะเห็นว่า

ขาดทุนทางบัญชี = -300,000 บาท
ค่าใช้จ่ายต้องห้าม = 100,000 + 700,000 + 200,000 = 1,000,000 บาท
คิดเป็นกำไรทางภาษี = 1,000,000 - 300,000 = 700,000 บาท 
หากบริษัทนี้เสียภาษีในอัตรา 20% = ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล = กำไรทางภาษี x อัตราภาษี = 700,000 x 20% = 140,000 บาท

สรุปคือ บริษัทขาดทุนทางบัญชี 300,000 บาท แต่มีกำไรทางภาษี 700,000 บาท และต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล 140,000 บาท

ติดตามเกร็ดความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ eTax ได้ที่
Blog:
www.etaxgo.com/blog
Facebook: https://www.facebook.com/eTaxGo.official


Tags

ค่าใช้จ่ายต้องห้าม


บทความที่น่าสนใจ

ภาษีครึ่งปีนิติบุคคล หรือ ภ.ง.ด 51 คืออะไร ปูความเข้าใจเจ้าของธุรกิจ

ภาษีครึ่งปีนิติบุคคล หรือ ภ.ง.ด 51 คืออะไร ปูความเข้าใจเจ้าของธุรกิจ

ภาษีซื้อ ภาษีขาย คืออะไร? วิธีคำนวณและยื่น ภ.พ.30

ภาษีซื้อ ภาษีขาย คืออะไร? วิธีคำนวณและยื่น ภ.พ.30

ใบกำกับภาษี Vs. ใบกำกับภาษีอย่างย่อ ออกยังไงให้ถูก

ใบกำกับภาษี Vs. ใบกำกับภาษีอย่างย่อ ออกยังไงให้ถูก
>